ตอนที่ 92 – ภาวะเอกฐาน (1)
(เข้ากลุ่ม 2 ขึ้นไปแถมกลุ่ม 1 (ตอนที่49-98) ฟรี >>มุมมองนักอ่านพระเจ้า – Omniscient Reader’s Viewpoint)
เนื่องจากมันเป็นครั้งแรกที่ผมมายังห้องโดเกบิ ผมจึงมองไปยังเอกสารบางส่วนบนโต๊ะในขณะที่บีฮยองจัดการกับกลุ่มดาว
[รายงานแนวโน้มภาวะเอกฐาน]
…ภาวะเอกฐาน? ในขณะที่ผมกำลังพลิกหน้ากระดาษด้วยความสงสัย เอกสารก็หายไปเป็นเศษฝุ่น ดูเหมือนว่ามันจะเป็นระบบฐานข้อมูล ไม่ใช่เอกสารจริงๆ
บีฮยองมองมาทางนี้
– …เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?
– เปล่า
บีฮยองเห็นเศษผงบนโต๊ะและมองมาที่ผมด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา และพูดขึ้น
– เฮ้ พวกเราจะโอเคไหม?
– ทำไม? นายมานึกเสียใจเอาตอนนี้เหรอ?
– เรื่องนั้น… เจ้าก็รู้ กลุ่มดาวที่เข้ามาโดยใช้วิธีนี้จะจากไปอย่างรวดเร็ว
กลุ่มดาวจะพากันกลับไปยังช่องโตเกียวโดม ในเวลานั้น การแก้แค้นของด๊กกั๊กก็จะเริ่มต้นขึ้น แต่นั่นก็ตอนนั้น
– นอกจากนี้ เจ้าโกหก เจ้ากำลังจะทำบ้าอะไร? ถ้าการซับสไคร้ถึง 10,000 จริงๆ ล่ะ? มันถึง 5,000 แล้ว
ผมยักไหล่โดยไม่พูดอะไร และบีฮยองก็พูดต่อ
– ไม่ใช่ว่าเจ้ามีเงื่อนไขว่าเจ้าจะไม่เลือกผู้สนับสนุนเมื่อเจ้าเซ็นสัญญากับข้างั้นเหรอ? เจ้าพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ยังไง?
– ไม่ต้องห่วงน่า นอกจากนี้นายยังสามารถฉีกสัญญาได้
– ข้าทำแบบนั้นไม่ได้
– บ้าเอ้ย… ฉันเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยนาย แต่นายกลับไม่สามารถทำแบบนั้นได้เหรอ?
การแสดงออกของบีฮยองมืดลง
– เรื่องนั้น…
อันที่จริงผมคงโง่ถ้าจะคาดหวังอะไรจากเขา ผมบอกเขาว่าไม่ต้องกังวลเพราะผมมีไอเดีย
– …จริงเหรอ?
– ใช่ งั้นก็เอาไอเท็มมาให้ฉันได้แล้ว ด๊กกั๊กไปแล้ว ดังนั้นไม่ใช่ว่านายก็ควรมอบไอเท็มให้กับฉันเหรอ?
– อ่า ใช่แล้ว
บีฮยองจัดการระบบช้าๆ จากนั้นครู่หนึ่งก็มีเสื้อคลุมสีขาวปรากฏขึ้นในอากาศ การออกแบบอย่างระมัดระวังที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องแฟชั่นและฟังก์ชั่นการต่อสู้ ผมสวมเสื้อคลุมและตรวจสอบกระเป๋าก่อน
[ฟังก์ชั่นพิเศษของเสื้อคลุมมิติอนันต์ ‘มิติ’ ถูกเปิดใช้งาน]
ข้อดีของเสื้อคลุมนี้คือการที่ผมสามารถเก็บไอเท็มต่างๆ ในนี้ได้โดยไม่ต้องมีสกิลช่องเก็บของ มันเป็นไอเท็มที่ดีสำหรับผมเนื่องจากมันมีไอเท็มสำคัญมากมายที่ผมต้องแบกไปมาอย่างเช่น คันพยอนกุย ทงกุยโบกัม และเตาพลังเวทมนตร์
“… ยังไงก็เถอะ มันเป็นสีขาวไม่เหมือนกับในรูปเลย”
[สีอื่นหมด]
ของหมด มันมีไอเท็มพวกนี้อยู่กี่อันกัน?
[เจ้าไม่รู้เหรอ? นี่คือไอเท็มผลิตจำนวนมาก]
ผมตรวจสอบออฟชั่นของไอเท็ม
+
[ข้อมูลไอเท็ม]
ชื่อ: เสื้อคลุมมิติอนันต์ ver.1.1 (ทำขึ้นโดยผู้ผลิตสินค้าจำนวนมาก)
ระดับ: SSS
รายละเอียด: เสื้อคลุมที่ออกแบบมาเพื่อผู้หวนคืน แม้จะเป็นสินค้าผลิตเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ยังมีระดับ SSS แบบลึกลับ เมื่อพิจารณาถึงผู้หวนคืนที่ไม่สามารถเปิดใช้งานหน้าต่างแอตทริบิวต์ได้ มันจึงมีฟังก์ชั่น ‘มิติย่อย’ ที่สามารถเปิดใช้งานได้จากกระเป๋าภายใน แน่นอนว่ามิติก็ไม่ได้กว้างนัก ดังนั้นจึงควรใช้อย่างระมัดระวัง
+
ผมมองไปที่มันอีกครั้ง แค่การมีมิติย่อยก็ทำให้มันมีระดับ SSS แล้วเหรอ? เมื่อพิจารณาว่าหัวใจของมังกรบรรพกาลอิกนิตัสที่มีระดับ SS…
[…จริงๆ มันเป็นเพราะอิทธิพลของผู้สร้าง เขาเป็นกลุ่มดาวที่ทรงพลัง]
มันสมเหตุสมผล ผู้ผลิตสินค้าจำนวนมากคือกลุ่มดาวที่มีชื่อเสียงในหมู่ผู้หวนคืน… แม้ว่าระดับมันจะเกินไปสักหน่อย แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในไอเท็มที่ดีที่สุดในช่วงเริ่มต้น
ยังไงก็เถอะ ผมก็ได้มันมาแล้ว
[งั้นกลับไปกันเถอะ]
บีฮยองดีดนิ้วของเขา และสภาพแวดล้อมก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมกะพริบตาครั้งหนึ่งและกลับสู่พื้น ฮันซูยองตกใจและถอยหลังไปเมื่อจู่ๆ ผมปรากฏตัวขึ้นในอากาศ
“เฮ้! นายไปไหนมา?”
“ฉันไปทำธุระมาสักพัก”
“…เรียบร้อยไหม?” บางครั้งฮันซูยองก็มีนิสัยที่ชอบพูดอะไรแบบนี้ออกมาโดยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น นี่คือลักษณะของนักเขียนงั้นเหรอ? ผมพยักหน้าออกไป
“ชุดใหม่? บ้าเอ้ย อิจฉาจัง” เธอจ้องมาที่เสื้อคลุมของผมด้วยสายตาที่อิจฉา และจากนั้นก็ยูจงฮยอคที่ยังไม่ได้สติอยู่ เธอมองมาระหว่างเสื้อคลุมสีดำของยูจงฮยอคและเสื้อคลุมสีขาวของผม ก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“ยังไงก็เถอะ พวกนายเป็นแฟนกันเหรอ?”
“…มันแค่เป็นเรื่องบังเอิญ มันเป็นการออกแบบทั่วๆ ไปน่ะ”
[กลุ่มดาว ‘ผู้พิพากษาเปลวเพลิงปีศาจ’ มีความยินดีด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ]
[กลุ่มดาวที่ชอบการแปลงเพศดวงตาเป็นประกาย]
…เมื่อมาคิดดู มันก็มีดวงดาวที่มีเอกลักษณ์มากมาย กลุ่มดาวที่ชอบการแปลงเพศเป็นใครกันนะ? มันมีกลุ่มดาวนี้ปรากฏขึ้นในหนทางเอาชีวิตรอดด้วยเหรอ? ผมคิดว่าผมควรที่จะอ่านนิยายในเร็วๆ นี้
[กลุ่มดาว ‘ผู้พิพากษาเปลวเพลิงปีศาจ’ กำลังควบคุมกลุ่มดาวที่ชอบการแปลงเพศ]
ยังไงก็เถอะ ผมตัดสินใจที่จะมองไปยังยูจงฮยอค โชคดี การฟื้นตัวของเขาดูเหมือนจะราบรื่น การหายใจของเขามั่นคง และแผลของเขาก็กำลังหายดี
“ไปกันเร็ว ก่อนที่ไอ้บ้านี่จะฟื้น”
ยูจงฮยอคหมดสติไปพร้อมกับหมัดทั้งสองข้างที่กำแน่น มันไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาตื่นขึ้นมาก่อน
***
ผมออกจากกังดงไปพร้อมกับฮันซูยอง ส่วนยูซานอานั้นถูกอุ้มไว้โดยอวตารของฮันซูยอง เธอยังคงหมดสติไปจากความอ่อนเพลีย
ผมได้กลับไปยังสมรภูมิที่พวกเราต่อสู้กับแอนตินัส แต่ก็ไม่พบไลคาออน มันไม่มีร่างของเขาอยู่ ดังนั้นเขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ผมแค่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่มาหาผม เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากถูกการโจมตีจากการฟักตัวของหายนะเป็นแน่
ฮันซูยองมองกลับมาที่ผมและถาม “ทิ้งเขาไว้ไม่เป็นไรเหรอ?”
“ไม่เป็นไร”
“แต่นั่นคือผู้แพร่พิษ นายไว้ใจเธอเหรอ?”
ยูจงฮยอคที่หมดสติไปถูกทิ้งไว้กับลีซอลฮวา
“ผู้แพร่พิษไม่ใช่คนเลว มันเป็นเพราะปรสิต”
ในหลายๆ ตอนที่เธอไม่ได้ติดเชื้อจากผู้ชี้นำ ลีซอลฮวาถูกเรียกว่า ‘หมอ’ แทนที่จะเป็น ‘ผู้แพร่พิษ’ บางทีเธออาจจะถูกเรียกว่าแบบนั้นในการเสื่อมถอยครั้งนี้
– พาเขาไปและตรงไปยังแกบอง ในกองทหารที่ 5063 ทหารผู้น่าสงสารจะรอเธออยู่
ผมยืนยันตำแหน่งของลีฮุนซึงโดยใช้มุมมองนักอ่านพระเจ้าและตัดสินใจยอมรับคำแนะนำของยูจงฮยอค ผมผยองไปที่คิดว่าผมสามารถยกระดับความแข็งแกร่งของสหายได้
ผมมีเวลาและข้อมูลที่จำกัด แม้ว่าผมจะเป็นนักอ่านก็ตาม ดังนั้นผู้ฝึกสอนที่ดีที่สุดสำหรับลีฮุนซึงในตอนนี้จึงไม่ใช่ผม แต่ว่าเป็นยูจงฮยอค
“ฉันหิว พวกเราจะกินอันนั้นกัน?”
ผมชี้ไปยังพืชที่กำลังเติบโตอยู่รอบๆ อาคารสูง
[เผ่าพันธุ์พืชระดับ 7 ‘ยานัสเพลต้า’ กำลังจ้องมองคุณอยู่]
ฮันซูยองมองไปยังดวงตาของดอกทานตะวันขนาดใหญ่และอุทานออกมาด้วยความตกใจ “…พวกเราจะกินมันเหรอ?”
“พวกเราต้องกินมันเพราะมันไม่มีอะไรแล้ว ตามหนทางเอาชีวิตรอด มันอร่อยมาก นอกจากนี้มันยังเด็กอยู่และง่ายต่อการล่า”
“เอ่อ…”
ฮันซูยองทำหน้าไม่ค่อยพอใจและในไม่ช้าก็เริ่มอัญเชิญอวตารของเธอออกมา พวกเราตัดก้านและหนวนของมันออก ยานัสเพลต้าถูกตัดจากรากของมันในไม่ช้าและหลับตาลง
เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่ามันจะยังเด็กอยู่ แต่มันก็เป็นเผ่าพันธุ์ระดับเจ็ด ซึ่งผมสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย
“ฮันซูยอง เธอจะกินอะไร?”
“…ฉันไม่รู้”
“งั้นฉันทำให้เอง”
ผมเริ่มปรุงยานัสเพลต้าเหมือนกับที่ผมได้อ่านในหนทางเอาชีวิตรอด ผมลอกผิวที่แข็งของลำต้นออกและโรยเกลือสมุนไพรที่ผมได้มาจากร้านขายของชำใกล้เคียงเล็กน้อย
ด้านในเป็นเนื้อสีชมพูซึ่งชวนให้นึกถึงเนื้อปูตามฤดูกาล ดวงตาของฮันซูยองเปล่งประกาย
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร? มันเป็นพืชใช่ไหมเนี่ย?”
“ถูกต้อง”
“พวกเรากำลังกินสลัดเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ ฉันจะเผามัน”
ผมตัดกิ่งของต้นไม้ที่อยู่รอบๆ เสียบไม้ยานัสเพลต้า และวางมันลงบนเตาพลังเวทมนตร์ ผมตั้งไฟกลาง แต่มันก็ใช้เวลาอยู่นานในการย่างเพราะมันคือเผ่าพันธุ์ระดับเจ็ด ผมพลิกมันไปรอบๆ หลายครั้ง และจากนั้นก็โรยเกลืออีก หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นของเนื้อย่างก็ลอยออกมา
“เฮ้ นายได้กลิ่นไหม?”
“เดี๋ยวก่อน พวกเรายังกินไม่ได้” ผมหยุดเธอจากการเอื้อมมือไปหาเตาและส่งถ้วยชาที่อุ่นอยู่ข้างๆ ให้กับเธอ “ดื่มนี่ก่อนกิน”
“ทำไม?”
“น้ำจากก้านต้ม มันจำเป็นต้องดื่มก่อนกินยานัสเพลต้า”
ฮันซูยองรับถ้วยมาด้วยสีหน้าสงสัย หลังจากนั้นพักหนึ่ง ใบหน้าของเธอก็เผยความพึงพอใจออกมา เธอดื่มน้ำทั้งหมดและเริ่มตัดกิ่ง
“กินช้าๆ”
“…ไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ ด้วย นายทำอาหารได้จริงๆ”
“บางทีอาจจะแค่ในโลกที่พังทลายใบนี้เท่านั้น”
ผมหัวเราะเพราะเธอดูเหมือนเด็กห้าขวบที่กำลังสวาปามอาหารอยู่
[กลุ่มดาวบางกลุ่มที่ชอบทำอาหารสงสัยเกี่ยวกับการทำอาหารของคุณ]
[กลุ่มดาวบางกลุ่มที่ชอบความคืบหน้าอย่างรวดเร็วและความรุนแรงกำลังบ่น]
[กลุ่มดาว ‘นักโทษรัดเกล้าทองคำ’ บอกให้จับตาดู]
เหลืออีกหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มต้นสถานการณ์ที่ห้า ภัยพิบัติขุมนรกแผดเผาและภัยพิบัติแห่งคำถามถูกจัดการไปแล้ว ทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่น
ยูจงฮยอคจะไปจัดการกับภัยพิบัติทางทิศตะวันตกกับลีฮุนซึงเมื่อเขาตื่นขึ้น ในขณะที่ราชาพเนจรจะไปจัดการกับทางเหนือ สิ่งเดียวที่ต้องระวังในขณะนี้คือ ‘ภัยพิบัติตรงกลาง’
ผมหยิบน้ำยานัสเพลต้าขึ้นมาและมองไปยังยูซานอาที่ยังไม่ได้สติ “ยูซานอา”
ผมเข้าใจผิดอยู่รึเปล่า? เห็นได้ชัดว่ายูซานอาที่ยังไม่ได้สติอยู่สะดุ้ง
“ฉันรู้สภาพจิตใจของเธอแล้ว มากินนี่สิ”
“…”
“ถ้าไม่กิน ฉันจะกินมันนะ”
ยูซานอาไม่ลุกขึ้น จากนั้นก็มีเสียงคำรามออกมาจากท้องของเธอ
“งั้นเธอก็นอนไป พวกเราจะกินเอง อ่า อร่อยที่สุด”
“…ด-เดี๋ยวก่อน!” ยูซานอาตะโกนออกมาและผุดลุกขึ้น ตามที่คาดไว้ ยูซานอาคงนอนไม่ได้หลังจากได้กลิ่นอาหาร เธอใช้เรี่ยวแรงไปมาก ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เธอจะหิว
ผมเหลือบมองฮันซูยองที่ยังกินอยู่ “เฮ้ เธอกินเยอะไปแล้ว ลุกขึ้นซะ”
“ทำไม?”
“เธอยังต้องถามอีกเหรอ?”
“…ชิ เธอทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด ฉันเข้าใจแล้ว”
บางทีฮันซูยองอาจจะรู้ว่ายูซานอาตื่นแล้ว เธอเองก็คงรู้ด้วยว่ายูซานอาคงจะไม่เคลื่อนไหวเพราะการปรากฏตัวของฮันซูยอง เด็กคนนี้แย่จริงๆ
“ฉันจะไปเดินเล่นสักหน่อย อย่ากินหมดล่ะ เหลือไว้ให้ฉันด้วย เข้าใจไหม?” ฮันซูยองหยิบมาไม้หนึ่งและหายเข้าไปในความมืด
เมื่อเธอหายตัวไปอย่างสมบูรณ์ ยูซานอาก็ค่อยๆ เดินเข้ามา ไม้ย่างบนเตาทำให้อาหารดูอร่อย ผมยื่นไม้ย่างให้กับยูซานอาที่กำลังลังเล ยูซานอารับมันไปและเริ่มกัดมัน
ยูซานอากินไปไม้หนึ่งและแทบจะอ้าปากไม่ได้
“…อร่อย”
มันมีน้ำตาอยู่ในดวงตาของเธอ ใครก็ตามที่ได้เห็นเธอในตอนนี้คงจะไม่คิดว่าเธอคือหญิงสาวที่กวัดแกว่งมีดสั้นในตอนนั้น
“กินช้าๆ”
มีดสั้นที่เอวของเธอสองเล่มแสดงให้เห็นว่าการปรากฏตัวของเธอในตอนกลางวันไม่ใช่ความฝัน มันเป็นหนึ่งเดือนนับตั้งแต่การทำลายล้างได้เริ่มต้นขึ้น ผมรู้สึกว่ามีงานอีกมากมายที่ต้องทำ
ยูซานอากินอย่างเงียบๆ ในขณะที่ผมเองก็กินไปพร้อมกับเฝ้ามองเธอ มันอร่อยจริงๆ มันราวกับไม่ใช่รสชาติของโลกใบนี้…
ยูซานอามองดูเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้จากเตาและพึมพำ “…นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“อาจจะ”
“ตอนนี้พวกเรากลับไปไม่ได้แล้วเหรอ?”
“ใช่ น่าจะนะ”
มือของยูซานอาสั่นเล็กน้อย เธอฆ่าคนด้วยมือคู่นั้น เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป มือของเธอได้พรากชีวิตของผู้อื่น
ในตอนนี้มือที่เปื้อนเลือดของคนอื่นกำลังปิดตาของเธอเอาไว้ ไหล่ของเธอสั่นเป็นระยะๆ มันอาจจะเป็นความภาคภูมิใจสุดท้ายของเธอ มันไม่มีเสียงสะอื้นไห้ดังออกมา
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอ” ผมไม่รู้ว่าคำพูดของผมจะปลอบเธอได้ไหม ผมไม่อาจอ่านใจของยูซานอาได้ ยูซานอาเริ่มร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลลงมาจากใบหน้าของเธอ และไม้ย่างที่เธอกำลังกินอยู่ก็ตกลงบนพื้น
เธอร้องไห้ไปนานเท่าไรกัน? เสียงสะอื้นของเธอเริ่มเงียบลงทีละนิดๆ
ยานัสเพลต้าระดับเจ็ดจะเป็นยานอนหลับอย่างรุนแรงถ้าไม่ได้ดื่มน้ำของมันเข้าไปก่อน
ผมมองไปที่เธอสักพักก่อนที่จะพูดออกมา “มันไม่ใช่ความผิดพลาดของเธอจริงๆ”
คำเหล่านี้มีไว้เพื่อยูซานอา
“ดังนั้น…” ในเวลาเดียวกัน คำพูดของผมก็ไม่ได้พุ่งตรงไปยังยูซานอา “ฉันหวังว่าจะทราบว่าเธอเป็นใคร?”
ในเมืองที่ถูกทำลาย เสียงร้องของมอนสเตอร์อันน่าขนลุกดังออกมา มันดูเหมือนว่าผมกำลังพูดกับตัวเองอยู่ ผมมองไปยังยูซานอาและถาม “เธอจะแกล้งไปอีกนานแค่ไหน?”
“…”
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกำลังเฝ้ามองฉันอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าเธอทำมันมาสักพักแล้วเหรอ?”
ใบมีดสีขาวของศรัทธาไม่แตกสลายส่องสว่างในความมืด
“ฉันไม่ลังเลที่จะทำอะไรเพื่อบรรลุเป้าหมายนะ” ผมผลักใบมีดสีขาวเข้าใส่ลำคอของยูซานอา “มันคงจะดีกว่าถ้าเธอรีบเปิดปากออกมา เว้นเสียแต่ว่าเธออยากให้อวตารอันมีค่าของเธอต้องตาย”
จากนี้ไปมันคือเกมลักไก่ ผมเฝ้ารอในขณะที่ค่อยๆ ดันดาบเข้าไปยังลำคอของเธอ ดาบอยู่ห่างจากลำคอประมาณ 1 เซนติเมตร และเริ่มมีเลือดไหลออกมา ทันใดนั้นเอง ดวงตาของยูซานอาก็เปล่งประกายขึ้น
[สกิลเฉพาะตัว ‘กำแพงที่สี่’ ช่วยลดความตกใจของคุณ]
มันมีสายลมพุ่งออกมา และผมก็กระเด็นออกมาจากร่างของยูซานอา
มันมีตัวตนอันตรายปรากฏตัวขึ้นซึ่งทำให้หัวใจของผมหดเกร็ง แสงสลัวปรากฏขึ้นรอบๆ ร่างกายของยูซานอา ผมมองเข้าไปในดวงตาอันพร่ามัวของเธอ ผ่านม่านตา มันมีเงาของเนบิลาที่อยู่ไกลออกไปปรากฏตัวขึ้น จากนั้นก็เหมือนกับมีฟ้าผ่าขึ้นภายในหัวของผม
[เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย]
ผมเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากปากและยิ้ม ในที่สุดพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้น กลุ่มดาวบัดซบแห่งโอลิมปัส
(จบตอน)