“สวัสดี สหาย เจ้าท่องอยู่ในป่าทมิฬคนเดียวรึ?”
นักดาบคนหนึ่งร้องเรียกขึ้นเสียงดังเพราะเขาอยู่ห่างจากหานซั่วพอควร
ตั้งแต่ที่หานซั่วพบกลุ่มนักผจญภัยทั้ง 6 คน เขาก็ส่งเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กกลับไปยังอีกมิติได้พักหนึ่งแล้ว เพราะไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักเวทย์ผู้ใช้ความตาย หานซั่วเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนร้องเรียก และพยักหน้าตอบกลับไป
“ใช่แล้วล่ะ”
ฮาร์พีบินโฉบเหนือหัวของเขาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่กล้าทดสอบความอดทนของหานซั่วอีกต่อไป เพราะเห็นว่ากลุ่มนักผจญภัย 6 คนกำลังตามมาสมทบ มันบินสูงขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้งเพื่อที่จะสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นบนพื้นเบื้องล่าง
กลุ่มนักผจญภัยจำนวน 6 คนนั้น ประกอบไปด้วยนักดาบชาย 3 คน ซึ่งเป็นนักดาบระดับสูง 2 คนและ นักดาบระดับกลาง 1 คน… นักเวทย์ 2 คน เป็นนักเวทย์ชายระดับกลางและและนักเวทย์หญิงระดับสูง… และนักธนูเอลฟ์หญิงอีก 1 คน
หลังจากที่หานซั่วเข้ารับการทดสอบของวิทยาลัย เขาก็รู้จักตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกลำดับชั้นต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดโดยสมาคมนักเวทย์ และสมาคมอัศวินอย่างแม่นยำ
นักเวทย์ จะมีตราสัญลักษณ์รูปคทาเวทมนตร์เล็ก ๆ ปักอย่างประณีตบนไหล่ของชุดคลุม ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามระดับพลัง โดยนักเวทย์ฝึกหัดจะเริ่มต้นที่รูปสัญลักษณ์ของคทาเวทมนตร์เพียง 1 ชิ้น และจะเพิ่มขึ้นทีละ 1 ชิ้นต่อ 1 ระดับพลังในขั้นที่สูงขึ้น โดยที่นักดาบและอัศวินก็จะมีการระบุระดับพลังที่คล้ายคลึงกัน แต่นักดาบจะใช้ตราสัญลักษณ์เป็นรูปดาบ ในขณะที่อัศวินจะใช้เป็นรูปม้าศึก
ชุดที่ทั้งนักเวทย์และนักดาบดูเหมือนจะเป็นชุดที่ได้รับการรับรองจากทั้งสมาคมนักเวทย์และสมาคมอัศวิน และด้วยตราสัญลักษณ์ระบุระดับพลังที่ปักอยู่บนชุด ก็ทำให้หานซั่วสามารถตรวจสอบระดับพลังของพวกเขาได้อย่างง่ายดายแม้จะกวาดตามองเพียงครั้งเดียว
แม้ทั้ง 6 คนนั้นจะเรียกไม่ได้ว่าอ่อนแอ แต่ก็ยังถือว่าอ่อนแอเกินไปสำหรับอาณาเขตป่าทมิฬที่ลึกถึงเพียงนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ฮาร์พีกล้าที่จะไล่ล่าพวกเขาทันทีที่พบ แต่หากหนึ่งในนั้นมีใครสักคนที่เป็นจอมขมังเวทย์ที่บินได้เช่นกันล่ะก็ ฮาร์พีก็คงหนีหัวซุกหัวซุนและไม่กล้าที่จะหาโอกาสโจมตีพวกเขาอีกเลย
“ข้าชื่อโอดิสซุส นี่คือสหายร่วมทางของข้า เจ้าคงเห็นพฤติกรรมคุกคามของฮาร์พีเมื่อครู่นี่แล้วสินะ ข้าขอโทษจริง ๆ ตอนแรกมันก็พุ่งเป้าหมายมาที่พวกเราอยู่หรอก แต่อยู่ดี ๆ มันก็เปลี่ยนไปทำท่าจะโจมตีเจ้าที่กำลังเดินอยู่คนเดียวแทน”
“ฮาร์พีเป็นสัตว์วิเศษระดับ 3 ที่รับมือยากมากพอควรเพราะมันบินไปบินมาในอากาศได้ ถ้าเจ้าไม่รังเกียจล่ะก็ เจ้าจะร่วมเดินทางไปกับเราด้วยก็ได้นะ เพราะฮาร์พีคงไม่กล้าลงมาทำอะไรเราแน่ถ้าพวกเราทั้ง 7 คนอยู่ด้วยกัน”
หานซั่วส่ายหัว ก่อนจะปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าว่าพวกท่านตรงเข้าไปในส่วนลึกของป่าทมิฬกันต่อเลยดีกว่า เพราะข้าว่าจะกลับไปที่พื้นที่รอบนอกของป่าทมิฬแล้วล่ะ ในเมื่อไม่ได้ไปทางเดียวกัน ข้าก็ไม่รบกวนพวกท่านดีกว่า”
“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน ถ้าเจ้าฝืนเดินทางคนเดียวต่อไปล่ะก็ ฮาร์พีไม่ยอมเลิกไล่ล่าเจ้าแน่ ข้าว่าเจ้าอยู่กับพวกเราดีกว่า ไม่งั้นคงลำบาก หรืออาจจะถึงตายเลยก็ได้นะ!”
อโฟรไดท์ นักเวทย์หญิงระดับสูงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เมื่ออโฟรไดท์พูดจบ คนอื่น ๆ ก็ไม่เห็นด้วยกับหานซั่วที่จะแยกตัวไปคนเดียวเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น หานซั่วก็ไม่ไปกับพวกเขาอยู่ดี แม้ว่าทั้ง
6 คนจะไม่ได้อ่อนแออะไรนัก และมีเพียงลูกธนูของนักธนูเอลฟ์หญิงเท่านั้นที่พวกเขาจะสามารถโจมตีสร้างผลกระทบแก่ฮาร์พีตัวนั้นได้บ้าง เพราะยามใดก็ตามที่สัตว์วิเศษบินได้อย่างฮาร์พีพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า นักดาบก็ทำได้เพียงตรึงกำลังอยู่กับที่ แม่แต่เวทมนตร์ใด ๆ ก็ไม่อาจส่งผลเพราะระยะที่ห่างเกินไป
6 คนจะไม่ได้อ่อนแออะไรนัก และมีเพียงลูกธนูของนักธนูเอลฟ์หญิงเท่านั้นที่พวกเขาจะสามารถโจมตีสร้างผลกระทบแก่ฮาร์พีตัวนั้นได้บ้าง เพราะยามใดก็ตามที่สัตว์วิเศษบินได้อย่างฮาร์พีพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า นักดาบก็ทำได้เพียงตรึงกำลังอยู่กับที่ แม่แต่เวทมนตร์ใด ๆ ก็ไม่อาจส่งผลเพราะระยะที่ห่างเกินไป
อย่างไรก็ตาม หานซั่วเองก็มีทั้งคมมีดพิชิตมารและหน้าไม้ รวมทั้งเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่สามารถบินได้โดยใช้เดือยกระดูกบนหลัง ถ้าฮาร์พีกล้าคิดที่จะจู่โจมหรือทำอะไรพวกหานซั่วล่ะก็ สิ่งที่จะรอมันอยู่ก็มีเพียงการโจมตีสวนกลับของหานซั่วและเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับมันอย่างมหาศาล เช่นนั้นแล้ว หานซั่วจึงไม่เกรงกลัวฮาร์พีแต่อย่างใด จึงเป็นเหตุผลที่หานซั่วปฏิเสธกลุ่มนักผจญภัยทั้ง 6 คน และเลือกที่จะเดินทางคนเดียวมากกว่า
“ฮะ ๆ ๆ ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ข้าคิดว่ามันคงไม่ง่ายนักหรอก ถ้าฮาร์พีตัวนั้นคิดจะจับข้า”
หานซั่วยิ้มตอบ พลางก้มลงไปหยิบปลาทั้งสองตัวที่ย่างสุกแล้วขึ้นมา โดยไม่รอคำตอบจากกลุ่มนักเดินทาง และเดินตรงไปยังทิศที่คนเหล่านั้นจากมาเพียงลำพัง
กลุ่มนักผจญภัยหนุ่มสาวทั้ง 6 คนสะดุ้งตกใจทันทีเมื่อเห็นหานซั่วเดินจากไปด้วยท่าทีสบายอารมณ์ แล้วโอดิสซุสก็เอ่ยปากพูด
“คอยเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ก่อน ถ้าเขารับมือกับฮาร์พีตัวนั้นได้จริงก็ค่อยไป แต่ถ้าไม่ เราก็เข้าไปช่วยไม่ให้เขาถูกกินก็แล้วกัน”
“หัวหน้า เขาก็ปฏิเสธเราไปแล้วนี่ จำเป็นต้องทำแบบนั้นด้วยเหรอ?”
กอร์ดอน นักดาบระดับกลางหน้าบึ้งพูดเพราะรู้สึกไม่เต็มใจนัก
“เดิมที ฮาร์พีตัวนั้นเล็งเป้าโจมตีมาที่พวกเรา แต่เพราะเรามุ่งหน้ามาทางนี้ ก็เลยทำให้มันหันไปโจมตีคนอื่นแทน ข้าคิดว่าพวกเราต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นะ”
โอดิสซุสตักเตือนกอร์ดอน พร้อมกับเรียกให้คนอื่น ๆ ตามเขาไป คอยสะกดรอยตามหานซั่วอยู่ห่าง ๆ
หลังจากเดินต่อไปประมาณ 5 นาที ฮาร์พีที่บินวนอยู่บนฟ้าเหนือหานซั่วก็เริ่มเคลื่อนไหว มันบินแบบทิ้งดิ่งลงมาจนแทบจะโฉบถึงหัวของหานซั่ว มันก็ชะงักและทะยานขึ้นสู่ฟ้าเบื้องบนอีกครั้งพร้อมเสียงหวิวบาดหูราวกับจะหลอกล่อให้หานซั่วหมดความอดทน
อย่างไรก็ตาม หานซั่วอดทนได้ดีกว่าฮาร์พีอยู่แล้ว แม้ตอนนี้สองมือของเขาจะว่างเปล่า แต่คมมีดพิชิตมารก็สามารถปรากฏตัวกลางอากาศและพุ่งตัวโผล่มาหาเขาได้ทุกเมื่อ แม้แต่หน้าไม้ก็เตรียมพร้อมสำหรับยิงไว้แล้วในแหวนมิติ ซึ่งทันทีที่ฮาร์พีเข้ามาในระยะ หานซั่วก็ตั้งใจจะสังหารสัตว์วิเศษระดับ 3 ตนนั้นให้ตายด้วยการโจมตีเพียงคราเดียว
ขณะที่กลุ่มนักผจญภัยทั้ง 6 คนคอยตามอยู่ห่าง ๆ หานซั่วก็มองเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน แต่หานซั่วก็ไม่สนใจในความปรารถนาดีของคนกลุ่มนั้น เขาเดินต่อไปมุ่งหน้าสู่สุสานแห่งความตายอย่างสบายอารมณ์
ในที่สุด หลังจากที่พยายามหลอกล่อหานซั่วมาหลายครั้ง ฮาร์พีก็เริ่มทนไม่ไหว มันบินโฉบลงมาพุ่งตัวเข้าใส่หานซั่วพร้อมกรงเล็บคมกริบที่กางออกหมายจะตะครุบกระโหลกของเขา
กลิ่นเหม็นคาวน่าสะอิดสะเอียนเริ่มคละคลุ้งไปรอบตัวของหานซั่วทันที ถ้าเป็นคนทั่วไปมักจะรู้สึกสับสนมึนงงทันทีที่กลิ่นนี้แตะจมูก แต่เพราะร่างกายของหานซั่วผ่านการฝึกฝนในระดับที่เกินขีดจำกัดความทานทนของคนธรรมดามามากมายนัก เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบในจุดนี้เลยแม้แต่น้อย แต่หานซั่วแสร้งทำตัวเป็นเซไปเซมาตามที่ฮาร์พีตั้งใจ ราวกับจะล้มลงกับพื้นได้ทุกเมื่อ
“โอ ไม่นะ เขากำลังมึนเพราะกลิ่นสาบจากตัวของฮาร์พีอยู่แน่ ๆ เขากำลังตกอยู่ในอันตราย!”
อโฟรไดท์ นักเวทย์ระดับสูงร้องขึ้นมาทันที แล้วนักผจญภัยที่ 6 คนก็เลิกซ่อนเร้นกาย และพุ่งตัวออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลัง ในขณะที่นักธนูก็ยิงธนูเข้าใส่ฮาร์พี
ในตอนนั้นเอง ขณะที่ฮาร์พีกำลังร่อนทิ้งตัวลงมาอย่างไม่เกรงกลัว มันคิดว่าตอนนั้นคือจังหวะที่เหมาะสมแล้ว มันจึงเว้นระยะห่างเหนือพื้นขึ้นไปประมาณ 7 – 8 เมตร ก่อนที่จะพุ่งตัวลงมาด้วยความเร็วราวสายฟ้า กรงเล็บเหล็กคมกริบของมันเล็งเป้าหมายที่หัวของหานซั่ว หมายจะฉีกกระชากหัวของเขาให้หลุดจากบ่า
ทันใดนั้น รอยยิ้มเยือกเย็นก็ปรากฏบนหน้าของหานซั่ว ร่างของเขาเซไปเซมายิ่งกว่าเดิม ก่อนจะแน่นิ่งราวก็กับหินไป ก่อนที่กรงเล็กเหล็กของฮาร์พีอยู่ใกล้หัวของหานซั่วเต็มที แล้วจู่ ๆ หานซั่วก็ทิ้งตัวล้มลงไปข้างหลัง ทำให้กรงเล็บของฮาร์พีตะครุบได้เพียงอากาศว่างเปล่า
ฮาร์พีส่งเสียงร้องเพราะความประหลาดใจ ก่อนจะพยายามโจมตีอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่คมมีดพิชิตมารมีแสงสีแดงเปล่งประกายออกมาอย่างกะทันหัน และพุ่งเข้าเสียบร่างของฮาร์พีตนนั้นพร้อมกับพลังเปลวเพลิงที่ค่อย ๆ ลุกไหม้และแผ่กระจายสู่ร่างของมันทันที
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดทรมานดังลั่นขึ้น ขณะที่ฮาร์พีกระพือปีกไปมาอย่างเร่งรีบเพราะพยายามจะหนี แต่หานซั่วก็หยิบเอาหน้าไม้มาถือไว้บนมือ ก่อนจะยิงออกไปเสียบทะลุคอหอยของมัน
แสงประกายสีแดงค่อย ๆ เปล่งออกมาจากร่างของฮาร์พี ในขณะที่มันยังคงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง มันตัวแข็งทื่อเพราะขยับไม่ได้ อีกทั้งยังไม่ทันสังเกตว่ายังคงมีอันตรายถึงตายที่อาจร้ายแรงกว่ากำลังกล้ำกรายเข้ามาหามัน ตอนนั้นเองที่ลูกดอกหน้าไม้ของหานซั่วเสียบทะลุคอหอยจนร่างของมันบินถอยหลังไป ใบหน้าของมันในตอนนั้นกำลังหันไปมองท้องฟ้า ในขณะที่ร่างกำลังร่วงลงสู่พื้น
“โอ คุณพระช่วย เขาจัดการฮาร์พีได้แล้ว!”
แอนดรูว์ หนึ่งในนักดาบของกลุ่มมาถึงจุดนั้นด้วยความรวดเร็ว แต่ก็พบว่าร่างของฮาร์พีร่วงลงสู่พื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น
ในขณะที่นักผจญภัยคนอื่น ๆ ที่เคยตั้งใจจะร่ายคาถาหรือแม้แต่ยิงใส่ฮาร์พี ต่างตัวค้างแข็งเพราะทำอะไรไม่ถูก และจ้องมองไปยังฮาร์พีที่กำลังกระพือปีกไปมาอยู่บนพื้นไกล ๆ ด้วยสีหน้าตื่นตกใจสุดขีด
ตามความคิดของหานซั่ว คมมีดปีศาจได้ใช้พลังอัคคีมนตราจาก “เวทย์อัคคีเหมันต์” และได้ปลดปล่อยพลังนี้เข้าไปภายในร่างของฮาร์พีและทำให้มันเกิดเผาไหม้อวัยวะภายใน แม้ไม่มีกลิ่นควันใด ๆ เลย แต่ร่างของฮาร์พีตนนั้นก็กลายเป็นเพียงฝุ่นผงสีดำในเวลาอันรวดเร็ว
หานซั่วลุกขึ้นยืนและปัดฝุ่นออกจากร่างกาย เขาเดินเข้าไปหาศพของฮาร์พีที่ถูกไฟเผาไหม้จากภายใน ก่อนจะกลั้นลมหายใจเฮือกใหญ่ และใช้คมมีดพิชิตมารควักเอาผลึกมนตราระดับ 3 ของฮาร์พีขึ้นมา พร้อมทั้งตัดกรงเล็บเหล็กทั้ง 2 ข้างของมันไว้ในแหวนมิติอีกด้วย
ตามปกติแล้ว สัตว์วิเศษระดับ 3 ไม่ใช่ประเภทที่สามารถรับมือกันได้ง่าย ๆ มิเช่นนั้นแล้ว กลุ่มนักผจญภัยทั้ง 6 คน คงไม่ต้องรู้สึกปวดหัวได้มากขึ้นขนาดนี้ ฮาร์พีมักใช้ประโยชน์จากกลิ่นเหม็นส่าบของมันเองเพื่อสร้างโอกาสในการโจมตีให้ตัวมันเอง รวมทั้งตำแหน่งของมันที่บินอยู่บนท้องฟ้าสูง จึงทำให้มันมักออกล่าได้สำเร็จตามต้องการจนได้
แต่น่าเสียดายที่ข้อได้เปรียบทั้ง 2 อย่างนั้นไม่มีผลอะไรต่อหานซั่วเลย กลับกลายเป็นว่ามันทำให้หานซั่วได้ชิงเอาความได้เปรียบไปแทน รวมทั้งความคมกริบที่มากเป็นพิเศษและแหลมคมอย่างไม่มีใครเหมือน สามารถโจมตีทุกอย่างได้ตามความปรารถนาของหานซั่ว จึงทำให้ฮาร์พีตนนั้นตายอย่างสยดสยองและรวดเร็ว
“สหาย เจ้านี่แข็งแกร่งใช่เล่นเลยนี่นา ดูเหมือนว่าความเป็นห่วงของพวกเราจะเกินจำเป็นอย่างที่เจ้าเคยพูดไว้จริง ๆ”
โอดิสซุสเดินตรงมาหาหานซั่วจากระยะไกลด้วยทีท่าร่าเริ่ง
แม้คนพวกนั้นจะช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่ หานซั่วก็ได้ยินบทสนทนาและความคิดต่าง ๆ ผ่านพลังของปีศาจปฐมภูมิ และรู้สึกทันทีว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนดีน่าคบหามากเลยทีเดียว และในเมื่อหัวหน้าพูดแบบนั้นออกไป หานซั่วก็พยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ
“ข้าก็แค่โชคดีเท่านั้นเองล่ะ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้าเทียบระดับพลังของท่านไม่ได้เลยสักนิด”
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว”
โอดิสซุสทำท่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินอย่างเห็นได้ชัด พลางตอบกลับไปด้วยความสุภาพ
“หัวหน้า ในเมื่อเขาปลอดภัยดีแล้ว พวกเรารีบเดินทางต่อไปยังส่วนลึกของพื้นที่ตอนใต้ของป่าทมิฬ เพื่อหา
“ผลแห่งแด็กมาร์” กันต่อเถอะ”
“ผลแห่งแด็กมาร์” กันต่อเถอะ”
กอร์ดอนเดินเข้ามาและรีบพูดกับโอดิสซุส
“แหม ข้าล่ะสงสัยจริง ว่า “ผลแห่งแด็กมาร์” ที่พวกเรากำลังพยายามหากันนี่มีอยู่จริงหรือเปล่า ผลไม้ที่หน้าตาเหมือนสมองของมนุษย์… ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย!”
อโฟรไดท์ นักเวทย์ระดับสูงพูดพลางถอนใจ
หานซั่วกำลังจะเดินทางต่อไปอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินที่อโฟรไดท์พูด เขาก็ชะงัก
และหันไปถามเธอด้วยสีหน้าสับสน
และหันไปถามเธอด้วยสีหน้าสับสน
“ผลแห่งแด็กมาร์ คืออะไรรึ?
ทำไมมันถึงมีรูปร่างหน้าตาคล้ายสมองมนุษย์ได้ล่ะ ฟังดูน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าฟังอีกจะได้มั้ย?”
ทำไมมันถึงมีรูปร่างหน้าตาคล้ายสมองมนุษย์ได้ล่ะ ฟังดูน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าฟังอีกจะได้มั้ย?”
“ข้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผลแห่งแด็กมาร์” จากหัวหน้าโอดิสซุสน่ะ เขาน่าจะรู้ดีมากกว่า”
อโฟรไดท์พูดและยิ้มอย่างเป็นมิตร เพื่อที่จะให้หานซั่วชี้ไปยังโอดิสซุส
โอดิสซุสยิ้มเจื่อน ๆ
“เจ้าสนใจเกี่ยวกับ “ผลแห่งแด็กมาร์” งั้นรึ? ฮ่า ๆ ๆ ตำนานเล่าว่า “แด็กมาร์” คือปีศาจที่ชื่นชอบในการกินสมองของมนุษย์น่ะ มันจึงเป็นผลไม้ประหลาดที่เกิดขึ้น ณ ที่ที่ปีศาจตนนั้นถูกฝัง ผลไม้นั่นมีขนาดแค่กำปั้น และบางอย่างคล้ายเส้นเลือดสีน้ำตาลเข้มกระจัดกระจายอยู่โดยรอบ และมันมีลักษณะคล้ายสมองของมนุษย์จริง ๆ”
“ว่ากันว่า “ผลแห่งแด็กมาร์” เป็นผลไม้ที่มีพลังวิเศษ คนธรรมดา ๆ ที่เผลอกินผลไม้นี่เข้าไปอาจถึงขั้นเสียสติและเป็นบ้าไปเลยก็ได้ แต่หากนำ
“ผลแห่งแด็กมาร์” ไปสกัดโดยนักปรุงยาแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นยาที่มีค่ามากเลยทีเดียว ข้ารับงานมาจากคน ๆ นึง ก็เลยตัดสินใจจะลองเสี่ยงโชคในป่าทมิฬนี้ เผี่อว่าจะเจอ “ผลแห่งแด็กมาร์” ที่นี่บ้างน่ะ”
“ผลแห่งแด็กมาร์” ไปสกัดโดยนักปรุงยาแล้วล่ะก็ มันจะกลายเป็นยาที่มีค่ามากเลยทีเดียว ข้ารับงานมาจากคน ๆ นึง ก็เลยตัดสินใจจะลองเสี่ยงโชคในป่าทมิฬนี้ เผี่อว่าจะเจอ “ผลแห่งแด็กมาร์” ที่นี่บ้างน่ะ”
หานซั่วรู้สึกตื่นเต้นปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ยินโอดิสซุสพูด เพราะตามความทรงจำของชูชางหลานแล้ว ก็มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ผลไม้สมองศักดิ์สิทธิ์” ที่มีคุณสมบัติในการขยายขอบเขตของสมอง จนทำให้คนธรรมดาถึงขั้นเป็นบ้าได้ แต่หากใช้โดยผู้ใช้เวทย์ปีศาจที่ฝึกฝนอยู่ในอาณาจักรพลังหลอมวิญญาณอย่างหานซั่วแล้วล่ะก็ เขาจะสามารถเพิ่มประสิทธิผลในการฝึกฝนได้อย่างมากมายเลยทีเดียว
เดิมที หานซั่วไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพราะเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ “ผลไม้สมองศักดิ์สิทธิ์” จะมีจริงอยู่บนโลกนี้ แต่จากที่โอดิสซุสอธิบายลักษณะของ “ผลแห่งแด็กมาร์” ซึ่งตรงตามลักษณะของ “ผลไม้สมองศักดิ์สิทธิ์” อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
หานซั่วไม่สามารถทนต่อความเย้ายวนใจในผลไม้ที่จะสามารถทำให้เขาสามารถฝึกฝนเวทมนตร์ได้อีกในปริมาณมาก หานซั่วก็ไม่คิดอะไรอีก และถามโอดิสซุสออกไปตรง ๆ ทันทีที่เขาพูดจบ
“ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ ข้าขอร่วมเดินทางไปค้นหา “ผลแห่งแด็กมาร์” กับพวกท่านด้วยได้มั้ย?”
โอดิสซุสและนักผจญภัยรวม 6 คน ต่างมองหน้ากันไปมาทันทีหลังจากที่ได้ยินหานซั่วพูด เพราะตกตะลึงและไม่คาดคิดว่าหานซั่วจะเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอด้วยตัวเองเช่นนี้
………………………………………….
ติดตามอัพเดทและอ่านตอนต่อไปทันที ที่นี่ >>> Facebook : Louktan Translate นิยายแปลไทย