“สำนักกระเงี้ยวนิล”
เมื่อพบเห็นกลุ่มคนของบุรุษศีรษะล้าน ผู้เฒ่าชุดดำที่ปรากฏตัวก่อนหน้าก็มีสีหน้าแย่ลง บุรุษวัยกลางคนที่เอ่ยถามตู้เซ่าฝู่หันไปมองชายหัวล้านคนนั้น ขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “กวังโถวจง สำนักกระเงี้ยวนิลของเจ้ามาไวดีนะ”
“สำนักอสรพิษสวรรค์ก็ไวอยู่ การแย่งชิงความเป็นใหญ่ทำให้เกิดเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวที่นี่ แต่สำนักอสรพิษสวรรค์ไม่มีส่วนได้เสียอะไรกับเรื่องนี้สักหน่อย” ผู้ที่ถูกเรียกว่ากวังโถวจงไม่เสียเวลายืนเฉยอยู่ด้านหน้าของบุรุษวัยกลางคนคนนั้น เขามองผู้เฒ่าชุดดำที่ยืมไม้เท้าหัวงูคนนั้น กล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้ เจ้าแห่งสำนักอสรพิษสวรรค์ถงเสอถึงขนาดกับต้องเดินทางมาด้วย”
“เจ้าเองก็ไม่ได้มาด้วยเหมือนกันหรือ ดูท่าอยากจะฉวยโอกาสจากการแย่งชิงความเป็นใหญ่ที่นี่สินะ” ผู้เฒ่าถงเสอ ในมือถือไม้เท้าหัวงู นัยน์ตากวาดมองวัยรุ่นหลายคนที่อยู่ด้านหลังกวังโถวจง เอ่ยเบาๆ ว่า “เหล่าผู้สืบทอดของสำนักกระเงี้ยวนิลครั้งนี้ดูใช้ได้ อยากใช้โอกาสนี้สำหรับการสร้างรากฐานปราณให้พวกเขาล่ะสิ แต่ก็ไม่รู้สินะว่าจะได้โอกาสนั้นหรือไม่”
“ผู้สืบทอดของสำนักอสรพิษสวรรค์ก็ดูไม่เลวเช่นกัน ทว่าดูแล้วไม่ค่อยมีวาสนาท่าทางอับโชค เกรงว่าครั้งนี้คงต้องกลับไปมือเปล่าเสียแล้ว” กวังโถวจงเหลือบไปมองวัยรุ่นหนุ่มสาวของสำนักอสรพิษสวรรค์ พูดด้วยวาจาปากเสียตอกกลับไปเช่นกัน การพบกันของทั้งสองฝ่ายนี้ บรรยากาศดูมาคุตึงเครียดขึ้นมาทันใด
“ครึกครื้นดีจริงๆ การมาเร็วไม่สู้การมาได้เวลาประจวบเหมาะหรอก”
มีเสียงพูดแหบๆ ของคนคนหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นก็มีเงาของคนราวๆ สิบกว่าคนปรากฏขึ้น ผู้เฒ่าที่เดินนำกลุ่มมามีทรงผมนกกระเรียน ดูมีบารมีกว่าใครๆ ในกลุ่มนั้นมียอดฝีมือจำนวนหนึ่งยืนห้อมล้อมบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาว
“นักพรตเฮ่อหลิงแห่งสำนักยันต์ปราณ”
ทั้งเจ้าสำนักถงเสอและกวังโถวจง เมื่อเห็นผู้เฒ่าทรงผมนกกระเรียนคนนี้ปรากฏตัว ก็ตกใจ นัยน์ตาสั่นเล็กน้อย
ตู้เซ่าฝู่ที่แบกอสูรจำนวนหนึ่งอยู่บนหลัง นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกลุ่มคนของสามสำนัก สำนักอสรพิษสวรรค์กับสำนักกระเงี้ยวนิลตู้เซ่าฝู่เคยได้ยินอยู่ ได้ยินว่าสำนักตั้งสูงตระหง่านอยู่ที่เมืองจักรวรรดิ มีอิทธิพลอำนาจค้ำฟ้า เจ้าเมืองพบนักพรตหรือหัวหน้าของสำนักเหล่านี้ ต่างยังต้องคารวะแสดงความเคารพ
อิทธิพลยิ่งใหญ่ระดับนี้ ในเมืองสือเฉิงคงทำได้แค่มองไม่อาจสัมผัสถึงได้
ตอนนี้ตู้เซ่าฝู่ถึงเข้าใจว่าเหตุใดคนเหล่านี้ถึงกล้าเข้ามาในหุบเขาอสุรกายในเวลาเช่นนี้ ที่แท้พวกเขาแต่ละคนต่างมีเบื้องหลังสุดยอดกัน
“พวกท่านคุยกันไปเถิด คงไม่มีอะไรเกี่ยวกับข้าแล้ว”
ตู้เซ่าฝู่ก็ไม่ใช่เจ้าทึ่มอะไร ไม่ว่าจะเป็นสำนักอสรพิษสวรรค์หรือสำนักกระเงี้ยวนิล เขาคงไปหาเรื่องด้วยไม่ได้ ผู้มีอิทธิพลที่มาตอนสุดท้าย น่าจะมีอำนาจสู้สำนักกระเงี้ยวนิลและสำนักอสรพิษสวรรค์ไม่ได้ แต่เขาคิดว่าตนเองรีบถอนตัวห่างไปยิ่งไวยินดี เพราะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของพวกเขาสักเท่าไร
“เจ้าหนู ท่านอาจารย์ลุงของข้าถามเจ้านานแล้ว ทำไมยังไม่ตอบอีก”
ในสำนักอสรพิษสวรรค์ มีเด็กหนุ่มท่าทางเย่อหยิ่งอายุดูพอๆ กับตู้เซ่าฝู่ก้าวออกมาข้างหน้าและตรงเข้าไปขวางทางตู้เซ่าฝู่ไว้ สีหน้าโหดเหี้ยมดูร้ายกาจ ราวกับว่าเขาไม่มองตู้เซ่าฝู่อยู่ในสายตา
“อย่าขวางทางข้า ข้าหิวแล้ว จะไปย่างเนื้อกินแล้ว”
ตู้เซ่าฝู่รู้สึกไม่ค่อยพอกับใจเด็กหนุ่มท่าทางหยิ่งยโสคนนี้ เขาเดินอ้อมผ่านชายหนุ่มคนนี้ไป คิดว่าปีนขึ้นเขาไปให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน
ชายวัยรุ่นคนนั้นรู้สึกหน้าชาและเสียหน้า ในหมู่ผู้สืบทอดในสำนัก เขาเป็นคนเด่นคนดังที่ได้รับการดูแลอย่างดีมาตลอด ไม่มีใครกล้าเสียมารยาทใส่เขา หากไม่ใช่เพราะรอคอยโลหิตสกัดของอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับการสร้างรากฐานปราณล่ะก็ เขาคงบรรลุขั้นเบิกนภาไปนานแล้ว
“หึ พูดด้วยดีๆ ไม่ชอบ ชอบโดนอัดลงโทษสินะ”
เมื่อเห็นตู้เซ่าฝู่เดินผ่านเขาไปเฉย เด็กหนุ่มก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็กำมือซัดออกไป ที่หมัดมีอักษรยันต์ไหลเอ่อออกมา พลังดูแล้วร้ายกาจ คลื่นพลังหมัดนั้นถูกส่งไปทางด้านหลังของตู้เซ่าฝู่
“หมัดคลื่นซัดสะท้าน!”
ตู้เซ่าฝู่ไม่ได้เซ่อ เขาแอบเตรียมตั้งรับไว้นานแล้ว เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มคนนั้นลงมือใส่เขา เขาก็รีบใช้หมัดคลื่นซัดสะท้านฉบับสมบูรณ์ที่พัฒนามาสวนกลับไปทันที ลมปราณพุ่งพรวดโถมออกไป พลังทำลายล้างน่ากลัวราวกับภูเขาไฟระเบิด เขาหันหน้ากลับไปซัดหมัดของเขาปะทะกับหมัดของวัยรุ่นชายคนนั้น
“ปึง!”
เสียงปะทะของหมัดดังสนั่นหวั่นไหวราวกับเสียงฟ้าผ่า พลังของหมัดคลื่นซัดสะท้านโจมตีใส่วัยรุ่นชายคนนั้นไม่ยั้ง บริเวณรอบๆ ตรงนั้นเศษฝุ่นผงทรายปลิวว่อน ใบไม้ของต้นไม้บริเวณนั่นร่วงหล่นออกมาดั่งสายฝน พลังรุนแรงมากถึงกระทั่งบนพื้นเกิดรอยร้าว ชายหนุ่มของสำนักอสรพิษสวรรค์คนนั้นโซเซถอยไปสิบกว่าก้าว จากนั้นก็ล้มก้นกระแทกพื้นและสำลักเลือดออกมา
ตู้เซ่าฝู่ยังคงยืนอยู่ ตัวโอนเอนเล็กน้อย ในใจเขาคิดว่า เด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ ฝีมือฉกาจกว่าบรรดาทายาทของบ้านสกูลตู้ที่วัยพอๆ เยอะเลย หากเขายังไม่ได้พัฒนาหมัดคลื่นซัดสะท้านให้สมบูรณ์ เกรงว่าเขาเองก็น่าจะถูกซัดปลิวกระเด็นไปด้วย
“เจ้าหนูนี่เก่งใช้ได้”
ฉากที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ทำให้สีหน้าของกลุ่มคนทั้งสามสำนักประหลาดใจสีหน้าเปลี่ยน หนุ่มสาวหลายคนต่างหันไปมองตู้เซ่าฝู่อีกครั้ง ต่างทำสีหน้าตกใจกันมาก
บรรดายอดฝีมือของสำนักอสรพิษสวรรค์ยืนนิ่งราวกับแข็งไป เด็กหนุ่มที่ก้าวออกมาต่อสู้เมื่อสักครู่ แม้ยังไม่บรรลุขั้นเบิกนภา ทว่าก็บรรลุถึงจุดสุดยอดของขั้นสดับเวหาแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอโลหิตสกัดของอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับการสร้างรากฐานปราณเท่านั้น ทว่าด้วยพรสวรรค์ส่วนตัวของเขา น่าจะสามารถต่อกรกับผู้ฝึกฌานที่อยู่ขั้นเบิกนภาที่อยู่ข้างนอกได้ ทว่ากลับเจ้าหนุ่มบ้านนอกที่อายุพอๆ กันเหวี่ยงพลังหมัดใส่จนปลิวได้ เป็นเรื่องที่เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
ทุกคนตรงนั้นต่างดูไม่ออกว่าชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ฝึกฌานได้อยู่ในระดับใด เขามีแต่คลื่นพลังลมปราณ แต่ยังไม่ได้บรรลุวิชาลมปราณขั้นใดๆ ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“วิชาที่ใช้เมื่อกี้ น่าจะเป็นวิทยายุทธของขั้นเบิกนภา มีกลับมีระดับลมปราณของขั้นชีพจรพลิ้วไหว เจ้าหนุ่มนี่เป็นผู้ฝึกฌานขั้นเบิกนภา หรือว่าขั้นชีพจรพลิ้วไหวกันแน่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน”
ยอดฝีมือหลายคนสับสนงงงวย หลายคนตะลึงมองค้างตาไม่กะพริบ
“เจ้าหนุ่มนี่ บังอาจลงมือทำร้ายคน ข้าคงปล่อยเจ้าไปไม่ได้แล้ว”
บุรุษวัยกลางคนของสำนักอสรพิษสวรรค์เมื่อตอนแรกทำสีหน้าขรึมเคร่งเครียด เขายื่นแขนไปทางตู้เซ่าฝู่ พลังฝ่ามือกรงเล็บที่เขาใช้ราวกับทำให้บรรยากาศบิดเบี้ยว ทำให้อากาศรอบตัวของตู้เซ่าฝู่ราวกับถูกแช่แข็งไว้ ขยับไปไหนไม่ได้
“ฉึก”
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็มีลำแสงที่มียันต์เปล่งแสงพุ่งตกลงมาจากฟ้าราวกับฟ้าแลบ ลำแสงเส้นนั้นพุ่งกลางฟ้าแทงทะลุกลางฝ่ามือกรงเล็บของชายคนนั้น
“อ๊า!”
ฝ่ามือกรงเล็บนั้นถูกทำลาย จุดที่ถูกลำแสงยิงผ่านเกิดเป็นรู และมีเลือดพุ่งออกจากรูนั้น ชายคนนั้นร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อีกเดี๋ยวข้าก็จะกลับไปย่างเนื้อให้ท่านกินแล้ว อย่าใจร้อนสิ”
ตู้เซ่าฝู่ยิ้มออก คนที่ลงมือช่วยเขาก็สตรีงามชุดเรียบๆ คนนั้น นางไม่ยอมปล่อยให้เขาตายอย่างที่คิด และนางก็แข็งแกร่งกว่าคนพวกนี้ตามคาด ตู้เซ่าฝู่ยิ้มกว้าง เมินเฉยกลุ่มผู้มีอิทธิพลสามกลุ่มนั้นที่อยู่ตรงนั้นไปเลย เขาหยิบซากอสูรจำนวนหนึ่งมาแขวนไว้ที่เอว จากนั้นเริ่มปีนขึ้นยอดเขาไป
“แข็งแกร่งมาก!”
ผู้คนที่อยู่รอบๆ เริ่มได้สติกลับมา บุรุษวัยกลางคนคนนั้นแข็งแกร่งมาก แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะถูกคนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ ซึ่งไม่รู้แม้กระทั่งว่าผู้ที่ลงมือคือใคร พลังเช่นนั้นของเขาน่าเกรงกลัวมากๆ ส่วนวัยรุ่นชายที่อยู่ข้างหลังตรงนั้น อยู่กับยอดฝีมือที่น่ากลัวคนนี้นี่เอง ด้วยเหตุนี้เองถึงกล้าเข้ามากลางป่าลึกในหุบเขาอสุรกาย และซัดเด็กหนุ่มของสำนักอสรพิษสวรรค์จนกระเด็นไปได้
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า พวกเจ้าจำไว้ให้ดีล่ะ อยู่ข้างนอกอย่าทำอวดเบ่งไปเรื่อย รู้จักถ่อมตนเสียบ้าง”
ผู้เฒ่าทรงผมนกกระเรียนบอกกับวัยรุ่นชายหญิงในสำนักของเขา จากนั้นก็มองตามหลังตู้เซ่าฝู่ที่กำลังปีนเขาโดยใช้มือเปล่า ในใจก็คิดสงสัย เจ้าหนุ่มคนนี้ฝีมือเก่งกาจ ทว่ายังต้องใช้มือปีนเขาอีกฤๅ หรือว่าเป็นการฝึกร่างกายรูปแบบหนึ่งหรืออย่างไร ร่างกายของเด็กหนุ่มชุดม่วงก็ดูแข็งแรงจริง อึดพอๆ กับอสูรได้เลย มิเช่นนี้เมื่อกี้ที่ปะทะหมัดกับวัยรุ่นชายของสำนักอสรพิษสวรรค์ ก็คงยืนต่อไม่ไหว
“ขอรับ/เจ้าค่ะ น้อมรับคำสั่งสอนจองท่านเจ้าสำนัก”
เด็กหนุ่มเด็กสาวที่อยู่ด้านหลังผู้เฒ่าทรงผมนกกระเรียนพยักหน้าตอบรับ พวกเขาเห็นเองกับตาแล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ ชายวัยรุ่นคนนั้นอายุก็พอๆ กับพวกเขา ทว่าฝีมือไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าพวกเขาเลย
ติดตามอัพเดทก่อนใคร “ยุทธจักรเทพยุทธ์”
อ่านล่วงหน้า เร็วกว่าใครหลายร้อยตอนได้ที่เว็บไซต์ กวีบุ๊ค : https://www.kawebook.com/story/2819
120 บาท/เล่ม (หากนับตอนฟรี จะเฉลี่ยเล่มละ 80-90บาท)